ชีวิตของหนู

ด.ช.กฤษณะ ชลอเชิดตระกูลหรือน้องปอมอยู่บ้านเลขที่ 37/3 ม.4 ต.หัวถนน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ น้องปอมเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 2 คน คลอดที่โรงพยาบาลท่าตะโก ด้วยน้ำหนักตัว 3,200 กิโลกรัม แรกคลอดมีความผิดปกติของร่างกายคือปากแหว่ง มีนิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว เท้าทั้ง 2 ข้างใหญ่กว่าปกติ นิ้วมือนิ้วเท้าไม่มีเล็บ แรกคลอดคุณหมอที่ทำคลอดบอกคุณแม่ว่าจะตัดนิ้วที่เกินมาก็ได้แต่ต้องรอให้อายุประมาณ 2 ขวบและถ้าตัดเด็กจะปวดมากเพราะนิ้วที่เกินมามีกระดูกไม่ได้เป็นเนื้อธรรมดา คุณแม่จึงตัดสินใจไม่ทำเพราะสงสารลูก ส่วนเรื่องปากแหว่งพอน้องปอมโตขึ้นมาก็ปิดเอง โดยไม่ต้องผ่าตัด
            พออายุได้ประมาณ 4 ขวบ น้องปอมไม่สบายเป็นไข้หวัด มีอาการเหนื่อย ปากเขียว ปลายนิ้วเขียว จึงพาไปตรวจโรงพยาบาลท่าตะโก หมอตรวจร่างกายบอกว่าเป็นภูมิแพ้ธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรมากแต่เด็กมีอาการเหนื่อยจึงให้นอนพักรักษาตัว 3 วัน 2 คืนและให้กลับบ้านแต่อาการน้องปอมก็ยังเหมือนเดิม ไม่ดีขึ้นคุณแม่จึงพาไปตรวจที่คลินิกในจังหวัดนครสวรรค์ หมอตรวจร่างกาย เอ็กซเรย์ บอกว่าเป็นโรคผนังกั้นหัวใจรั่วและรูรั่วอาจจะปิดเองโดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ฉีดยาและให้ยามาทานที่บ้านอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ คุณแม่จึงขอย้ายน้องปอมมารักษาต่อที่โรงพยาบาลท่าตะโกเพราะใกล้บ้าน แต่คุณหมอที่โรงพยาบาลท่าตะโกก็ยืนยันคำเดิมว่าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ได้เป็นโรคหัวใจไม่ได้รักษาอะไรให้ พอยาหมดน้องปอมก็เริ่มมีอาการอีกคุณแม่จึงตัดสินใจพาไปรักษาที่คลินิกนครสวรรค์ต่อ รักษามาเรื่อยๆได้ประมาณ 1 ปีกว่าก็หยุดการรักษาไปเพราะสู้ราคาค่ารักษาและค่ายาไม่ไหว
            พอน้องปอมอายุได้ 9 ขวบป่วยมีอาการเหมือนเดิม คุณแม่จึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลท่าตะโกเพราะมีบัตรทองรักษาฟรีจะกลับไปรักษาที่เดิมก็ไม่มีเงิน ที่โรงพยาบาลท่าตะโกน้องปอมได้พบกับหมอคนใหม่ ตรวจร่างกายให้และบอกว่าเด็กผิดปกติที่หัวใจจะส่งต่อมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนครสวรรค์เพราะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีอุปกรณ์ครบครัน ที่โรงพยาบาลนครสวรรค์บอกว่าน้องปอมเป็นโรคหัวใจต้องได้รับการผ่าตัด จึงทำเรื่องส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลเด็ก ตามลำดับ ที่โรงพยาบาลเด็กบอกว่าน้องปอมเป็นลิ้นหัวใจรั่ว แนะนำให้ผ่าตัด แต่ให้รอคิวก่อน และนัดตรวจทุก 3 เดือน ให้ยามาทาน รักษาที่โรงพยาบาลเด็กประมาณ 2 ปีกว่า น้องปอมก็ได้รับการผ่าตัดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2546
            หลังผ่าตัดคุณแม่บอกว่าน้องปอมอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่เหนื่อย คุณแม่บอกว่าดีใจมากที่ลูกได้รับการผ่าตัดหัวใจในโครงการของมูลนิธิฯ ลูกจะได้มีชีวิตใหม่เหมือนเด็กปกติทั่วๆ ไปถึงแม้ว่าลูกจะมีปมด้อยเรื่องอื่นๆ ก็ตาม