ชีวิตของหนู

น้องปิยะธิดาหรือน้องแอม เกิดที่โรงพยาบาลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์  เกิดมาก็เป็นเด็กปกติดี คุณพ่อคุณแม่มีฐานะยากจน จึงต้องทิ้งน้องแอมไว้ให้คุณยายเลี้ยง ส่วนคุณพ่อและคุณแม่เข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ   โดยคุณพ่อหนูกาน วงษ์พรหมทำอาชีพขับมอเตอร์ไซต์รับจ้างอยู่พหลโยธิน ส่วนคุณแม่นวลจันทร์ ปราบมะเลิง ทำงานเป็นลูกจ้างรายวันในร้านขายอาหารตามสั่ง แถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

พอน้องแอมอายุได้ 2 ปี น้องไม่สบายเป็นหวัด จึงพาไปหาหมอที่คลินิก พอคุณหมอตรวจ ฟังเสียงหัวใจก็ได้ยินเสียงฟู่ คุณหมอจึงได้แจ้งว่าน้องแอมอาจจะเป็นโรคหัวใจ ให้พาไปตรวจรักษาให้ละเอียด จึงได้ส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลหนองกี่ และทางโรงพยาบาลไม่มีหมอเฉพาะทาง จึงได้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ซึ่งน้องแอมก็รักษาตัวมาตลอดจนกระทั่งปี 2543 คุณหมอที่รักษาอยู่ลาออก ทางคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ได้พาไปรักษาที่ไหนต่อ เนื่องจากในการไปรักษาแต่ละครั้ง คุณพ่อคุณแม่ต้องหยุดงานและเดินทางกลับไปที่บ้านเพื่อพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงพอสมควร

จนกระทั่งน้องแอมโตขึ้น และเริ่มมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ  เดินขึ้นบันได้ก็เหนื่อย หอบ  ทำอะไรก็จะเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว  บางครั้งเหนื่อยและร้อนมากๆ ก็จะหน้ามืด และมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ   น้องแอมเป็นเด็กร่าเริง ชอบเล่นกีฬาทุกชนิด แต่ก็เล่นไม่ได้นาน เนื่องจากว่ามีอาการเหนื่อย หอบตลอด คุณพ่อคุณแม่จึงได้ตัดสินใจพาน้องแอมมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้สะดวกในการรักษาตัว ซึ่งพอน้องแอมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ไปหาหมอที่คลินิกต้นสังกัด ทางคลินิกก็ได้ส่งตัวมารักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี คุณหมอแจ้งว่าต้องการทำการผ่าตัดน้องแอมจึงจะหายขาด  แต่ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูงมาก ซึ่งทางบ้านก็มีฐานะไม่ค่อยดี แต่คนหาเช้ากินค่ำเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

แต่คุณหมอก็แจ้งว่าทางมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กจะทำการผ่าตัดนอกเวลาราชการให้ เพื่อน้องจะไม่ต้องรอคิวผ่าตัดนาน รวมทั้งทางมูลนิธิฯ จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้อีกด้วย ซึ่งก็ได้ทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา หลังจากผ่าตัดก็รู้สึกว่าดีใจ หัวใจไม่เต้นเร็วเหมือนแต่ก่อน ไม่เหนื่อยง่าย

น้องแอมรู้สึกดีใจมาก เพราะหลังผ่าตัดก็จะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป และสามารถกลับไปเรียนหนังสือและเล่นกีฬาที่ชอบได้แล้ว และขอขอบคุณมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กและผู้บริจาคทุกท่านที่ช่วยให้น้องแอมสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป