ชีวิตของหนู

น้องพงศ์นเรศร์หรือน้องปันเป็นบุตรของคุณพ่อสมพงศ์และคุณแม่ปณิตา สุระทศ คุณแม่เล่าว่าไม่เคยทราบเลยว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เพราะตอนคลอดออกมาทางโรงพยาบาลก็บอกว่าน้องปกติดี ก็เลี้ยงน้องมากตามปกติแต่จะสังเกตว่าน้องจะมีอาการเหนื่อยหอบ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไร คงเล่นซนมากเกินไป โดยทางครอบครัวเพิ่งทราบเนื่องจากเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว น้องอายุได้ประมาณ 10 ปี น้องมีอาการเหนื่อย  หอบ จึงได้พาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลบอกเพียงว่าน้องเป็นโรคหอบก็รักษาไปตามอาการ แต่คุณแม่สังเกตุว่าเวลาน้องเหนื่อยจะมีอาการไอ เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก จึงได้พาน้องไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งทางคุณหมอคาดว่าน้องน่าจะเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แต่เนื่องจากว่าทางโรงพยาบาลไม่มีคุณหมอทางด้านนี้โดยเฉพาะ จึงได้ทำเรื่องส่งตัวน้องมาตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ผลตรวจออกมาว่าน้องมีอาการของลิ้นหัวใจรั่ว ทางโรงพยาบาลจึงได้ให้ยามารับประทานและติดตามการรักษาเพื่อรอดูว่าเผื่อรู่รั่วนั้นจะสามารถปิดเองได้ตามการเจริญเติบโตของน้องหรือไม่ จนกระทั่ง 2 ปีผ่านไป อาการของน้องก็ยังคงเหมือนเดิม คุณหมอได้ทำการตรวจดูแล้วว่าอาการลิ้นหัวใจที่รั่วนั้นไม่น่าจะสามารถปิดเองได้จึงได้ส่งตัวน้องมารักษาตัวต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก  ซึ่งทางโรงพยาบาลเด็กได้ทำการตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่าน้องต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจอย่างเร่งด่วน จึงได้ประสานส่งตัวมาทำการผ่าตัดรักษาภายใต้การดูแลของมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กที่โรงพยาบาลราชวิถีตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2564  และได้เข้ารับการผ่าตัดในวันอังคารที่ 20 เมษายน แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทางครอบครัวแม้กระทั่งคุณแม่ก็ไม่สามารถอยู่เฝ้าน้องปันได้ น้องปันต้องอยู่ที่โรงพยาบาลกับพี่ๆ พยาบาลโดยคุณแม่และครอบครัวสามารถจะพูดคุยกับน้องได้ทาง VDO Call เท่านั้น น้องปันต้องสู้ด้วยตัวคนเดียว แม้กระทั่งวันผ่าตัดทางครอบครัวก็ไม่สามารถมาหาน้องได้ แต่น้องปันเข้มแข็งและเก่งมากที่สามารถอยู่โรงพยาบาลภายใต้การดูแลของพี่ๆ พยาบาลตลอดระยะเวลา 12 วันเพียงคนเดียว และตอนนี้น้องปันแข็งแรงขึ้นมากจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้อยู่กลับครอบครัวอย่างปลอดภัยแล้ว และต่อไปนี้น้องปันจะไม่ต้องทรมาณจากอาการเหนื่อยหอบอีกต่อไปและสามารถกลับไปเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ ได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป