ชีวิตของหนู

             ด.ญ.ชญานี ศักดิ์สกุลไพสิฐ อายุ 7 เดือนเป็นลูกของคุณพ่อทินกร อายุ 26 ปี และคุณแม่สมมี อายุ 19 ปี มีอาชีพทำไร่หมุนเวียน โดยอาศัยอยู่ที่บ้านเคาะทีโค๊ะ อ.แม่วะหลวง จ.ตาก ซึ่งอยู่บนเขาอยู่ห่างจากโรงพยาบาลท่าสองยางประมาณ 50 กิโลเมตร

               แรกเริ่มน้องทีคริหรือน้องน้ำเย็นมีอาการไม่สบาย คุณพ่อคุณแม่จึงพาไปหาหมอที่สถานีอนามัยบ้านตะโป๊ปู่ แต่คุณหมอรักษาไม่ได้เลยให้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลท่าสองยาง  ทางโรงพยาบาลท่าสองยางได้รับน้องทีคริเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอได้แจ้งว่าสงสัยว่าน้องจะเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แต่เนื่องจากที่โรงพยาบาลไม่มีแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจเด็ก จึงต้องรอให้น้องอาการดีขึ้นแล้วทางโรงพยาบาลจะส่งตัวน้องไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตากต่อไป ซึ่งน้องทีคริต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลท่าสองยางนาน 2-3 เดือน น้องเคยอาการดีขึ้นจนคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านไปได้เพียงครั้งเดียว แต่กลับไปอยู่บ้านได้เพียงไม่ถึงอาทิตย์อาการน้องแย่ลง จึงต้องพากลับมาที่โรงพยาลท่าสองยางใหม่ ซึ่งพอทางโรงพยาบาลท่าสองยางทราบข่าวว่ามูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กจะมาออกหน่วยตรวจคัดกรองคนไข้โรงหัวใจเด็กที่โรงพยาบาลแม่สอด ทางโรงพยาบาลท่าสองยางจึงได้ประสานงานและนำน้องทีคริขึ้นรถพยาบาลพามาตรวจคัดกรองกับทางมูลนิธิฯ ที่โรงพยาบาลแม่สอด ซึ่งจากการตรวจนั้นคุณหมอแจ้งว่าน้องมีรูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (VSD) คุณหมอเห็นว่าน้องอาการไม่ค่อยดีนัก มีอาการเหนื่อยง่ายมาก ซึม เพลียตลอดเวลา ตัวเล็กกว่าเด็กปกติทั่วไป จึงได้แจ้งคุณพ่อคุณแม่ว่าจะทำการผ่าตัดให้น้องโดยด่วน จะเป็นคิวแทรกให้เลยเพราะกลัวว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ น้องจะมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้อาการของน้องจะแย่ลงกว่านี้ โดยน้องได้เข้ารับการตรวจคัดกรองในวันที่ 29 มกราคม 2566 และเย็นวันนั้นก็เดินทางกลับไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลท่าสองยางและวันที่ 30 มกราคมทางโรงพยาบาลท่าสองยางก็ได้ให้รถพยาบาลส่งตัวน้องมารักษาตัวต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กมหาราชินีและได้ส่งตัวมาเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งตลอดเวลาที่ทำการผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง คุณพ่อคุณแม่ได้แต่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดตั้งแต่เช้าจนเย็นไม่กล้าไปไหนนานๆ หิวยังได้แค่ไปซื้อมาม่ามานั่งกินรออยู่หน้าห้องผ่าตัด คุณพ่อบอกว่าทั้งกังวลและกลัวแต่ก็เชื่อมั่นในตัวคุณหมอว่าจะสามารถช่วยลูกให้หายได้  พอน้องได้ออกจากห้องผ่าตัด คุณหมอแจ้งว่าผลการผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

               หลังการผ่าตัดน้องดูอาการดีขึ้นผิดหูผิดตา ดูดนมได้เยอะ ร่าเริง ยิ้มง่าย เล่นกับพี่ๆ พยาบาล ไม่เหนื่อย ไม่ซึมอีกต่อไป ดูดีเป็นขวัญใจของพี่ๆ พยาบาล อีกไม่นานน้องก็จะสามารถกลับไปอยู่บ้านและสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติทั่วไป และสามารถเติบโตเป็นคนดีของครอบครัวได้ในอนาคต