ชีวิตของหนู

             น้องวรชัย หรือน้องพี เป็นเด็กคนเล็ก ผอม น้องคลอดที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  คุณพ่อ คุณแม่สังเกตเห็นว่า เวลาน้องร้องไห้ ตัวจะเขียว แต่คุณหมอก็บอกว่าน้องปกติดี น้องชอบร้องไห้ตอนกลางคืน แต่ตอนกลางวันจะไม่ค่อยร้อง น้องจะป่วยบ่อยมาก  คุณพ่อคุณแม่ก็จะพาไปหาหมอ คุณหมอก็จะบอกว่าท้องเสียบ้าง หรือไม่ก็อาจไม่ชอบนม ก็ให้ลองเปลี่ยนนมดู และก็รักษาไปตามอาการที่น้องเป็นในแต่ละครั้ง  พอน้องอายุครบ 2 เดือน ก็พาไปฉีดวัคซีน ซึ่งอาจารย์หมอเห็นก็เลยขอตัวน้องไปตรวจเพราะคิดว่าน้องอาจจะเป็นโรคหัวใจ แต่ในขณะนั้นโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติยังไม่มีคุณหมอประจำที่เป็นหมอเฉพาะทางด้านโรคหัวใจ ทางโรงพยาบาลจึงได้ส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลภัทรธนบุรี แล้วก็มาวิเคราะห์ผลที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

         ซึ่งคุณหมอก็แจ้งว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบบซ้ำซ้อน ให้รีบพาไปรักษากับคุณหมอเฉพาะทางโรคหัวใจ ก็เลยลองไปที่โรงพยาบาลทรวงอก แต่ที่นั่นไม่รับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 13 ปี มีคนแนะนำให้มารักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ก็เลยพาตั้งแต่น้องอายุได้ประมาณ 4 เดือน คุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบบซ้ำซ้อนด้วย คือมีความพิการหลายๆ อย่าง ทั้งเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงสลับขั้วกัน เส้นเลือดตีบ มีหัวใจแค่ 3 ห้อง และอื่นๆ อีก 

           แต่คุณหมอที่สถาบันก็จะติดตามอาการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด  ซึ่งยิ่งน้องโตขึ้น ก็จะยิ่งมีอาการหนักมากขึ้น ทั้งเหนื่อยง่าย เดินได้ไม่นานก็ต้องพัก ปากเขียว เล็บเขียวอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักตัวก็จะน้อยกว่าเด็กปกติโดยทั่วไป  ทานอาหารได้น้อย ทานมากๆ ก็จะอาเจียน

            คุณหมอจึงได้ประสานให้รู้จักกับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก น้องจึงได้ทำการผ่าตัดครั้งแรกให้เมื่อน้องอายุได้ประมาณ 3-4 ปี  เพื่อแก้ไขความผิดปกติในเบื้องต้นและเตรียมน้องให้พร้อมสำหรับทำการผ่าตัดใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งน้องก็มีอาการดีขึ้น แต่ยังไม่หายขาด  เหนื่อยน้อยลงกว่าเดิม  ไม่ค่อยเขียว และคุณหมอก็ติดตามอาการของน้องอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อรอให้น้องโตกว่านี้และพร้อมสำหรับการผ่าตัดใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อคุณหมอได้ทำการผ่าตัดครั้งที่ 2  เป็นการผ่าตัดใหญ่ เพื่อแก้ไขความผิดปกติทั้งหมด  ภายหลังการผ่าตัดน้องมีอาการดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ไม่ค่อยเขียวมากเหมือนเดิม ไม่เหนื่อยง่าย

     พ่อชื่อ หาญณรงค์ เตือนใจ อายุ 36 ปี ถูกเลิกจ้างเนื่องจากพิษเศรษฐกิจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงทำให้ขาดรายได้ที่จะมาเลี้ยงครอบครัว  ปัจจุบันคุณแม่ คือ คุณัญญา นิลไทสงค์ อายุ 39 ปี ทำงานเป็นพนักงานโรงงานฝ่ายผลิตที่โรงงานในจังหวัดอยุธยา เป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวเพียงคนเดียว ซึ่งหากไม่มีมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กมาให้ความช่วยเหลือ ครอบครัวของเราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยลูกได้อย่างไร เพราะค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงมาก

      ครอบครัวของเราขอขอบคุณมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กที่ช่วยให้น้องพีสามารถจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กทั่วไป